การดำเนินธุรกิจเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาด จำเป็นต้องมี Business model ซึ่งในปัจจุบันมี Business model เกิดขึ้นมาใหม่อยู่เสมอ และที่ได้รับความนิยมในยุคนี้ คือ Freemium model
Freemium model คือ กลยุทธ์ในการตั้งราคารูปแบบหนึ่งที่เห็นบ่อย ๆ ในอินเทอร์เน็ต มีรูปแบบการให้บริการที่องค์กรเสนอแก่ลูกค้า โดยแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ Free และ Premium
ในระดับของ Free นั้น ลูกค้าจะมีโอกาสได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาการใช้งาน เพียงแต่อาจจะมี Feature การใช้งานบางอย่างที่ถูกตัดออกไป ซึ่งถ้าจะใช้งาน Feature เหล่านี้ ลูกค้าจะต้อง Upgrade เป็นแบบ Premium แทน
จุดมุ่งหมายของการทำ Freemium คือ ต้องการดึงลูกค้าที่สนใจบริการเข้ามาทดลองใช้ก่อน เมื่อลูกค้าได้รับความพอใจลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าในที่สุด
ยกตัวอย่าง เช่น Youtube ที่คนปกติสามารถใช้บริการได้ฟรีแต่มีโฆษณาเข้ามาคั่น แต่ถ้าหากว่าไม่ต้องการให้มีโฆษณาก็สามารถจ่ายเงินเพิ่มเป็น Youtube Premium ได้
ข้อควรระวังในการใช้
Freemium model
การให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการแบบ Free นานเกินไป อาจทำให้เกิดความคิดที่ว่า “แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” ลูกค้าบางรายมองว่าไม่จำเป็นต้อง Upgrade เป็นแบบ Premium
ในทางกลับกับ หากเน้นให้ลูกค้าใช้บริการแบบ Premium โดยตัด Feature หลักออกจำนวนมาก เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าซื้อเพิ่ม อาจเสียลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่ใช้บริการแบบ Free ไป
นอกจากนี้ยังมี Business model ที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกด้วยนะ หากใครชอบศึกษาแนวนี้ลองไปอ่านเพิ่มเติมกันได้เลย