ทุกวันนี้ เราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ 🖥 เล่นแท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน 📲 สิ่งเหล่านี้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน🏠หรือที่ทำงาน 🏢 หลายคนมักจะนั่งเล่นเป็นเวลานานหรือทั้งวัน พฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลให้มีอาการปวดเมื่อยตา ตาพร่ามัว ตาแห้ง แสบตา หรือเคืองตา ตามมาได้
นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังเป็นโรค “CVS” หรือ Computer Vision Syndrome 🧑⚕ หากปล่อยไว้ นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณลดลงแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพของดวงตาในระยะยาวได้ แล้วเราควรทำอย่างไร❓ ในการดูแลรักษาดวงตาจากเทคโนโลยีปัจจุบัน วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก 👉👉👉
Computer Vision Syndrome เป็นกลุ่มของอาการทางตาและการมองเห็น มีผลมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาในการใช้งานและการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ 🖥 อย่างต่อเนื่อง 😳
โดยจะพบว่าผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกัน เกิน 2 ชั่วโมง ⏰ มีความเสี่ยงที่จะเป็น Computer Vision Syndrome ได้สูง ⬆
👨⚕👀👀👀👀👀👀👩⚕
สาเหตเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น แสงสว่างน้อยเกินไป ระยะห่างหรือท่านั่งไม่เหมาะสม และปัญหาสายตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข อาการเหล่านี้จะสัมพันธ์ชัดเจนกับระยะเวลาในการใช้ digital screen ยิ่งใช้นานเท่าไหร่ก็มีโอกาสเป็นมากขึ้นเท่านั้น 🙄
อาการของ Computer Vision Syndrome ประกอบด้วย อาการปวดบริเวณรอบดวงตา, ปวดศีรษะ, ตาพร่ามัว, ตาฝืดแห้ง ตาสู้แสงไม่ได้ รวมถึงอาจมีอาการปวดคอไหล่ร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้มักเป็นชั่วคราวและจะหายไปเมื่อได้พักสายตา 
จากการใช้คอมพิวเตอร์ 
ซึ่ง ความรุนแรงของอาการ 🔥 มีหลายระดับ บางคนพอพักแล้วก็หาย แต่บางคนมีผลต่อเนื่องได้ แม้กระทั่งหยุดใช้งานไปแล้วก็ตาม
วิธีการป้องกัน 🛡 สามารถทำได้โดยปรับระดับการมองเห็น 👁️ ปรับท่านั่งทำงานให้เหมาะสม 🪑 ปรับแสงสว่างจากภายนอก 💥 และจากจอคอมพิวเตอร์ 🖥 พักสายตาระหว่างการทำงาน, กระพริบตาบ่อยขึ้นหรือหยอดน้ำตาเทียม เพื่อลดอาการตาแห้ง และนัดพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวัดสายตา 👓
👨⚕ หากมีอาการ Computer Vision Syndrome แต่ถูกละเลยไม่ได้รับการรักษา อาการเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นปัญหาที่เรื้อรังแก้ไขได้ยาก เมื่อมีภาวะตาแห้ง 👁️ ที่รุนแรง อาจทำให้กระจกตาเป็นแผลอักเสบ หรือติดเชื้อ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น นำมาซึ่งตาบอด หรืออาจสูญเสียลูกตาได้