Loading...
ข่าว

5 คู่แฝดแร่ธาตุใด? ทานด้วยกันแล้วจะดี!

การรับประทานอาหารให้ครบ 5⃣ หมู่ตามหลักโภชนาการและได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอยังเป็นสิ่งที่จำเป็น

แต่การที่จะทานให้ครบ 5 หมู่ 🥗 ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ยังถือเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนบางกลุ่ม ทำให้หลายคนหันไปพึ่งตัวช่วยอย่างอาหารเสริมกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับคนที่ต้องการบำรุงร่างกายเพิ่มเติม แน่นอนว่าสรรพคุณของวิตามินและอาหารเสริมแต่ละชนิดนั้นก็จะแตกต่างกันไป

รู้หรือไม่‼ อาหารเสริมและวิตามินที่เรารับประทานเข้าไปนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย 💁 หากรับประทานติดต่อกันมากๆ หรือทานผิดคู่ก็ทำให้เกิดอันตรายได้ วันนี้เราได้จับคู่แฝดดีที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง 💪 ว่าแต่คู่แฝดดีที่จับคู่นั้นมีอะไรบ้าง❓ ร่างกายจะได้ประโยชน์แบบคูณสองอย่างไร❓ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย📣

คู่ที่ 1 “วิตามินซีกับคอลลาเจน” เพราะคอลลาเจนมีส่วนช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับชั้นผิว ช่วยลดริ้วรอย บำรุงเส้นผมและเล็บให้มีสุขภาพแข็งแรง เมื่อทานคู่กับวิตามินซีจะทำให้คอลลาเจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

คู่ที่ 2 “ธาตุเหล็กกับวิตามินซี” ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อร่างกายช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง ดังนั้นการทานวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก เช่น การกินต้มเลือดหมู ควรกินทั้งเลือดหมู (ที่มีธาตุเหล็ก) และใบตำลึง (ที่มีวิตามินซี) เพื่อให้ร่างกายนำธาตุเหล็กดูดซึมไปใช้ได้ด้วย

คู่ที่ 3 “แคลเซียมกับแมกนีเซียม” แคลเซียมมีส่วนสำคัญในการสร้างกระดูก 🦴 และฟัน 🦷 ช่วยในการหดตัว และแมกนีเซียมช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว 🫁 การรับประทานแคลเซียมจำเป็นต้องทานคู่กับแมกนีเซียมเพื่อช่วยในการดูดซึมได้ดีและทำให้แคลเซียมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 👍 อาหารที่มีแมกนีเซียม ได้แก่ อัลมอนด์ ควินัว ฟักทอง ข้าวโอ๊ต ปลาทูน่า 🐟 และข้าวกล้อง

คู่ที่ 4 “วิตามินซีกับวิตามินเอและวิตามินอี” สามารถทานวิตามินซีควบคู่กับผัก🥬ที่มีวิตามินเอและวิตามินอีได้ อาทิ ตำลึง ผักบุ้ง แครอท🥕 อะโวคาโด 🥑 อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน วิตามินจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของแอนติออกซิแดนท์ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส ไม่แห้งกร้าน และชะลอริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย

คู่ที่ 5 “น้ำมันปลาที่มีดีเอชเอกับอีพีเอ” น้ำมันปลาที่ไม่ใช่น้ำมันตับปลา ในน้ำมันปลามีกรดไขมันที่ชื่อว่า “Omega-3” ควรกินให้ได้ค่า DHA+EPA = 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับเคล็ดลับถ้าอยากบำรุงสมอง 🧠 ต้องเลือกชนิดที่มีดีเอชเอเด่น แต่ถ้าจะบำรุงส่วนอื่นเป็นหลัก เช่น ข้ออักเสบ🦵ให้เลือกชนิดที่มีอีพีเอสูง

หากไม่แน่ใจว่าวิตามินที่เรากำลังทานอยู่นั้นเป็นอันตรายหรือไม่ สามารถปรึกษาเภสัชกรตามร้านขายยาใกล้บ้าน หรือปรึกษาแพทย์ประจำตัวที่เข้ารับการรักษาอยู่เป็นประจำได้เช่นกัน