การกิน 🍲 ถือเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเรา คนที่มีปัญหาในการกินหรือมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ เช่น กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม แม้ไม่หิวก็ยังกินต่อได้เรื่อยๆ พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เราไม่ควรมองข้าม‼‼
หากคุณเป็นคนที่ชอบกินขนม 🍭ของหวาน 🥯 หรือของคาว 🍜 ทานได้เรื่อยๆ ครั้งละมากๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่มแล้วล่ะก็❗ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็น “โรคกินไม่หยุด” อยู่ก็เป็นได้
“โรคกินไม่หยุด” (Binge Eating Disorder) หรือเรียกสั้นๆ ว่า BED คือ อาการผิดปกติของการรับประทานอาหารได้ครั้งละมากๆ ทั้งที่ยังไม่หิว อยากกินเป็นช่วงๆ ใช้เวลาในการกินที่รวดเร็ว ชอบกินซ้ำๆ คุมพฤติกรรมการกินไม่ค่อยได้ เป็นผลให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว อาจมีสาเหตุหลายอย่าง อาทิ อาการซึมเศร้าหรือรู้สึกเครียดร่วมได้
👩⚕ สาเหตุของการเกิดโรคยังไม่เป็นที่เข้าใจมากนัก พบมากในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย มักจะพบในผู้หญิง 👭มากกว่าผู้ชาย 👬 มีแนวโน้มพัฒนามาจากโรคคลั่งผอม คือ เมื่อทานเข้าไปแล้วจะต้องรีบไปล้วงคอออกมาจนมาเป็น Binge Eating Disorder นั่นเอง
ปัจจัยเสี่ยงอาจเกิดมาจากทางพันธุกรรม ความเปลี่ยนแปลงทางสมอง 🧠 ขนาดของร่างกาย เพศ รูปลักษณ์ 👩🦰 พฤติกรรมการกิน ความบอบช้ำทางด้านจิตใจ รวมไปถึงอาการทางจิต นอกจากนี้ยังรวมถึงความต่อเนื่องของโรคที่อาจถูกกระตุ้นจากความเครียด การคุมอาหารที่ผิดวิธี 🥗❌ ความคิดลบ ๆ เกี่ยวกับน้ำหนักและรูปร่างของตัวเอง การเข้าถึงอาหารได้ง่าย หรือความเบื่อหน่าย เป็นต้น
ทางเลือกของการรักษามีหลายวิธี อาทิ การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม, จิตบำบัดสัมพันธภาพระหว่างบุคคล 🧑🦱, พฤติกรรมบำบัดวิภาษวิธี (คือ การบำบัดรูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้ผู้คนอดทนและควบคุมอารมณ์ได้), การบำบัดด้วยการลดน้ำหนักและการใช้ยา💊 เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถรักษาโรคได้แบบตัวต่อตัว 🧍 แบบกลุ่ม 👫 รักษาด้วยตัวเอง🧎♂ การออกกำลังกาย ⛹♀ และการติดตามผล 📒
อย่างไรก็ตาม…“โรคกินไม่หยุด”🍩🍿 ถือเป็นโรคที่ผู้ป่วยมักจะแอบซ่อนพฤติกรรมบ่งชี้โรคไว้กับตัวเองคนเดียว ดังนั้นการรักษาจึงจำเป็นต้องเริ่มจากการยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยเสียก่อน🤢
🚑 โรคชนิดนี้สามารถรักษาให้หายได้ หากคุณพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และอย่ากลัวในการเข้าพบจิตแพทย์👨⚕ เพื่อรักษาสภาพจิตใจ❤ ให้มีความแข็งแรง 💪 เมื่อนั้นเราก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขได้เหมือนคนทั่วไปแล้วจ้า