หากรู้สึกปวดหัวตุ๊บๆ 
แต่ไม่รู้ว่าปวดหัวธรรมดาหรือปวดไมเกรน คิดแค่ว่ากินยานอนพักสักหน่อยก็คงจะหาย แต่ความจริงแล้วอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่เรื่องปกติ!!
ถ้างั้นมาลองเช็คกันดูว่า อาการปวดหัวแบบไหน บอกอะไรกับเราได้ และปวดแบบไหนที่ต้องรีบไปพบแพทย์!!! ตามไปดูกัน… 
“ปวดหัว” เป็นแค่การแสดงอาการของโรคไม่ใช่ตัวโรค โดยปกติแล้วอาการปวดหัวแต่ละประเภทมักมีลักษณะการปวดที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่โรคที่มีความรุนแรง อาทิ เนื้องอกในสมอง หลอดเลือดสมอง หรือโรคไม่รุนแรง เช่น ปวดหัวจากความเครียด เป็นต้น ซึ่งสามารถแยกประเภทและอาการได้ดังนี้
“ปวดหัวแบบตึงตัว”
พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดจาก ความเครียด เหนื่อยจากการทำงานหนัก ลักษณะอาการปวดแบบแน่นๆ หรือปวดแบบรัดๆ ทั้งสองข้างของศรีษะและต้นคอ มีความรุนแรงจากน้อยไปจนถึงปานกลาง และอาจมีการปวดของกล้ามเนื้อบริเวณศรีษะ คอ ไหล่ ร่วมได้
“ปวดหัวไมเกรน”
พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทำงาน และมักได้รับการวินิจฉัยที่ผิดพลาด 🤮 ลักษณะอาการคือ ปวดขมับข้างเดียว ปวดเบ้าตา คลื่นไส้ อาการแย่ลงเมื่อเจอแสงจ้า ☀ หรือกลิ่นฉุน ส่วนใหญ่มักจะมีอาการปวดนานตั้งแต่ 4 ชั่วโมงขึ้นไป ในบางรายอาจมีอาการปวดนานถึง 3 วัน
“ปวดหัวแบบเรื้อรังทุกวัน”
มักมีอาการปวดหัวเรื้อรัง มากกว่า 15 วันต่อเดือน หรืออย่างน้อย 3 เดือน ⏳ 😱 มักมีอาการปวดหัวจากความเครียดหรือแบบไมเกรนได้ แต่ผู้ป่วยจะมีอาการเรื้อรังมากกว่าซึ่งอาจเกิดความผิดพลาดจากการซื้อยามาทานเอง หรือการใช้ยาแก้ปวดเป็นประจำ
👩⚕ นอกจากนี้ยังมีอาการจากสาเหตุอื่นๆ ที่สามารถทำให้เราปวดหัวแบบเรื้อรังได้ เช่น ภาวะไซนัสอักเสบ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง โรคมะเร็ง เป็นต้น
📣 ไม่ว่าจะปวดหัวแบบไหนก็ตาม หากพบความผิดปกติ หรือปวดติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์ 🚑 ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับคำแนะนำและตรวจรักษา เพราะอาการปวดหัวที่คุณเป็นอาจเป็นสัญญาณของโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้! 🏥